You don’t have to be cool คุณไม่ได้เจ๋ง
Don’t have to be smart ไม่ได้ฉลาด
Don’t have to be tough ไม่ได้หุ่นดี
Don’t have to be cute ไม่ได้น่ารัก
|
เราจะเห็นว่าการแปลความหมายของประโยคในกรอบยังไม่ถูกต้องและการที่เราจะแปลประโยคที่อยู่ในกรอบให้ได้ดีเราต้องไปดูหัวข้อการใช้ Have to ใน Grammar ครับ
Have to มีความหมายเท่ากับ
Must ซึ่งแปลว่า จำเป็นต้อง โดยมีรูปแบบการใช้สามแบบคือ ถ้าเราใช้ในกาลปัจจุบันเราจะใช้
Have to + V (1) ถ้าเราใช้กับกาลอดีตเราจะใช้ Had to
+ V (1) หรือถ้าเราใช้ในกาลอนาคตเราจะใช้ Will/Shall + have
to + V (1)
หมายเหตุ: ถ้าประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (ไม่รวม I กับ You) เราจะเปลี่ยนจาก have เป็น has
เอาล่ะครับเมื่อเรารู้อย่างงี้แล้วให้เรากลับไปประโยคในกรอบใหม่ครับ
You don’t have to be cool เรามาดูกันทีละคำครับ
เริ่มจาก Have to ก่อน ในที่นี้ Have to ทำหน้าที่เป็นกริยาแท้ของประโยคที่มีความหมายว่า “จำเป็นต้อง” แต่เมื่อเราต้องการที่จะทำให้อยู่ในรูปคำถามหรือปฏิเสธ เราจำเป็นต้องนำ Verb
to do มาช่วยครับในที่นี้คือ don’t have to ครับ
จากนั้นเราไปดู be ครับ เนื่องจากโครงสร้างของมันคือ have
to + V (1) ดังนั้นเราใส่รูปเดิมของ Verb to be ซึ่งก็คือ be และเราจะแปลมันว่า “เป็น” นั่นเองครับ
พอมาถึงตรงนี้เราจะได้ You don’t have to be / คุณไม่จำเป็นต้องเป็น…….
แล้วต่อไปเราไปดูหลัง be ครับ หลัง be เป็นตำแหน่งของ Adjective ซึ่ง cool, smart,
tough และ cute ต่างก็เป็น Adjective ทั้งนั้นครับซึ่งในที่นี้จะไปขยายนาม You ที่ทำหน้าที่ประธานนั่นเอง
ซึ่งเราจะได้ประโยคเต็มดังนี้
You don’t have to be cool / คุณไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เจ๋ง ไงล่ะครับแต่ถ้าเราจะแปลให้กระชับก็จะได้
ว่าคุณไม่เป็นจำต้องเจ๋งหรอก อะไรทำนองนี้แหล่ะครับ
สรุปประโยคที่อยู่ในกรอบข้างบนจะแปลใหม่ได้เป็น
You don’t have to be cool คุณไม่จำเป็นต้องเจ๋ง
Don’t have to be smart ไม่ต้องฉลาด
Don’t have to be tough ไม่ต้องเข้มแข็ง
Don’t have to be cute ไม่ต้องน่ารัก
|
Ps, Verb to be + to ก็มีความหมายเป็นจำเป็นต้องเหมือนกัน เช่น is to...., am to....., หรือ are to...
Post a Comment