Verb to be ผมเชื่อว่ากริยาช่วยในกลุ่มนี้เป็นพื้นฐานของกริยาที่เราทุกคนที่เรียนภาษาอังกฤษรู้จักตั้งแต่สมัยเป็นเด็กที่เริ่มเรียน
is, am, are, was, were แต่จะมีซักกี่ครั้งที่เราใช้ได้อย่างถูกต้อง
อันนี้ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนหรอกก็พูดถึงตัวเองนี่แหล่ะ ความหมายของกริยากลุ่มนี้คือ
เป็น อยู่ คือ โดยรูปกริยาช่องที่หนึ่งของมันคือ be กริยาช่องที่สองเป็น
was, were และกริยาช่องที่สามเป็น been และถ้าหากเราจะเติม ing เพื่อให้เป็น Present
Participle เพื่อใช้ในประโยค Continuous ต่างๆเราก็จะได้
being ไงครับ ทำไมเราจึงจำเป็นต้องมี Verb to be?
เราจำเป็นต้องมี Verb to be เนื่องจากว่าประโยคที่เป็น Continuous tense ต่างๆ จะต้องใช้ verb to be วางไว้หน้ากริยาแท้ที่เติม ing (Present Participle) เช่น I am writing, am เป็น verb to be ที่ใช้ในโครงสร้างนี้และวางไว้หน้า writing ซึ่งเป็น Present Participle
เราจำเป็นต้องมี Verb to be เนื่องจากว่าประโยคที่เป็น Continuous tense ต่างๆ จะต้องใช้ verb to be วางไว้หน้ากริยาแท้ที่เติม ing (Present Participle) เช่น I am writing, am เป็น verb to be ที่ใช้ในโครงสร้างนี้และวางไว้หน้า writing ซึ่งเป็น Present Participle
เราใช้ Verb to be ช่วยในการสร้างประโยค
Passive voice ต่างๆ เพราะตามหลักไวยากรณ์ โครงสร้างของ Passive
voice คือ Subject + Verb to be + V3 (Past Participle) ส่วนจะเป็น verb to be ตัวไหนขึ้นอยู่กับประธานและ Tense
ที่เราต้องการสื่อครับ เช่น The pencil was broken โดย Verb to be ของประโยคคือ was ซึ่งจะวางไว้หน้า Past Participle คือ Broken
ประธานเป็นเอกพจน์และเป็น Past tense เป็นต้น
เราจะใช้
Verb
to be เป็นกริยาหลักในประโยค โดยในประโยคนั้นจะต้องมีกริยาตัวเดียว
และมันจะมีความหมายสมบูรณ์ในตัวของมันเอง เช่น Are you there? คุณยู่ที่นั่นหรือเปล่าเป็นต้น
เราจะใช้
Verb
to be ในการวางหน้า to infinitive (กริยาช่องที่หนึ่งที่มี
to นำหน้าและไม่ทำหน้าอย่ากริยา ไปดูที่ Infinitive) แล้วมันจะให้ความหมายในทำนองที่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และอีกความหมายหนึ่งคือจะมีความหมายคล้ายคำสั่ง เช่น The exhibition is to
take place next month ประโยคนี้ให้ความหมายว่าเหตุการณ์ทำนองนี้จะเกิดขึ้นในอนาคต
ส่วนอีกบริบทหนึ่งคือ You are to
leave now, unless you will miss the bus บริบทนี้จะใช้คล้ายกับการสั่ง
คุณต้องไปตอนนี้ มิฉะนั้นคุณจะไม่ทันรถโดยสาร เป็นต้น
อีกรูปแบบหนึ่งเราจะใช้รูปกริยาช่องที่หนึ่งของมันคือ
be
ในการสร้างประโยค คำสั่ง ขอร้อง หรือเตือน เช่น Be careful!
Be aware! หรือ Be quiet! เป็นต้น
และอีกบริบทหนึ่งเราจะใช้
Verb
to be นำหน้า about to + V1 เพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเร็วๆนี้
เช่น The film is about to start soon เป็นต้น
Post a Comment