กลับไปดูสองประโยคนี้ใหม่ครับ I bought a car. The car is high performance. I bought a car สาเหตุที่เราใช้ A เพราะว่าตอนที่เรากำลังสื่อนั้นคู่สนทาเรานั้นไม่มี idea สำหรับรถคันนั้นเลย หรืออีกนัยหนึ่งความคิดของคู่สนทนาเราจะยังไม่มีบทสรุปเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เพราะถ้าคุณใช้ A มันเหมือนกับว่าคุณต้องการจะอธิบายเสริม คู่สนทนาของคุณจะยังไม่สามารถตอบโต้บทสนทนาคุณเลย จนกว่าคุณจะอธิบายต่อดังตัวอย่างเช่น The car is high performance เราใช้ The เพราะว่าเราได้เจาะจงลงไปแล้วว่า พูดถึงรถคันที่เราซื้อแล้วอธิบายต่อว่ารถที่เราซื้อมาสมรรถภาพมันสูงมาก แต่ถ้าคุณเขียนแบบนี้ล่ะ I bought a car. A car is high performance. ครับคู่สนทนาจะเข้าใจว่ารถที่คุณพูดถึงในประโยคแรกกับประโยคที่สอง มันไม่ใช่คันกันครับ!! ระวังให้ดี
และอีกบริบทหนึ่งที่เราจะใช้ The คือเมื่อสิ่งที่เรากำลังพูดถึงนั้นเป็นที่เข้าใจกันทุกคน
(ที่ร่วมสนทนา) ว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งไหน เช่น สมมุติว่าเพื่อนคุณ (ชื่อ A)
จะมีงานเลี้ยงคืนนี้แล้วเค๊าก็ชวนคุณไปงานเลี้ยงด้วย
จากนั้นคุณมีโอกาสได้พบเพื่อนอีกคนนึง (B) โดยที่เพื่อนคุณคนนี้ไม่รู้เลยว่าจะมีงานเลี้ยงคืนนี้
กรณีนี้ถ้ามีพูดถึงงานเลี้ยงเราจะใช้ A เช่น
B : What are you doing tonight?
You : I am going to a party.
|
ในบริบทนี้คุณจะถาม B ต่อไม่ได้ว่า Are you going? เพราะเขายังไม่รู้เลยว่ามันงานเลี้ยงอะไร
แต่ในทางกลับกันถ้า A กับ B คุยกันอยู่ก่อนแล้ว
หลังจากนั้นคุณเดินเข้าไปหา คุณรู้ว่า B ก็รู้เรื่องงานเลี้ยงแล้ว
บทสนทนาจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ครับ
B : What are you doing tonight?
You
: I am going to the party. Are
you going?
|
เห็นความแตกต่างไหม๊ครับ??
ส่วน An เราจะให้เหมือน A ครับแต่เราจะใช้มันนำหน้านามที่นำหน้าด้วยสระ
เช่น An apple, An elephant เป็นต้น ยกเว้นคำบางคำเช่น European
หรือ University เราจะใช้ A แทน
Post a Comment