Did you really say that? What did
you tell him? What did you hear? Where are you listening? เอาล่ะครับนี่เป็นคำศัพท์สี่คำที่เราใช้งานบ่อยๆ
หรือได้ยินบ่อยๆ ในภาษาอังกฤษ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาให้ความสนใจกับคำเหล่านี้ Say,
Tell, Hear และ Listen เอาล่ะ
Say และ Tell ซึ่งทั้งสองนี้เป็นคำกริยามีความหมายว่า [Speak mean to use the
voice or to have a conversation with someone] แต่ความหมายหรือลักษณะการสนทนาหรือลักษณะของ
Say และ Tell ต่างกันนิดหน่อยดังนี้ครับ
[Say mean to pronounce words or
sounds to express thought or to state a fact] ซึ่งสิ่งที่เรากำลังพูดถึงคือคำพูดที่พูดออกมาตรงๆ
ตัวอย่างเช่น
What he said?
He said that “I don’t understand”. เห็นไหม๊ครับ ว่าสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่งเสียงออกมาคือ I don’t
understand คือ fact นั่นเอง ถึงตอนนี้เราไปดู
tell กันบ้าง
[Tell mean to say something to someone,
often giving them information or instruction] พูดง่ายๆ
ก็คือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่คำพูดที่พูดออกมาแต่กำลังพูดถึงเนื้อหา
เรื่องราวที่พูดอกมานั่นเอง ตัวอย่างเช่น
What is he doing?
He is telling the story when he was
young to his children. เห็นความแตกต่างของ Say กับ Tell กันหรือยังล่ะครับ??
Hear และ Listen
[Hear mean to receive or become
conscious of a sound using ears] หมายถึงคุณได้ยินเสียงที่อยู่รอบๆตัวคุณ
[ได้ยิน] ตัวอย่างเช่น I hear
the train. / ฉันได้ยินเสียงรถไฟ
หมายความว่าคุณไม่ได้ตั้งใจฟังเพียงแต่เสียงมันเกิดขึ้นรอบตัวคุณแล้วคุณก็รับรู้มันทางหูของคุณ
[Listen mean to give attention to
someone or something in order to hear them] หมายถึงคุณตั้งใจกับเสียงที่เกิดขึ้นเพื่อให้ได้ยิน
[ฟัง] ตัวอย่างเช่น I am
listening to the radio. / ฉันกำลังฟังวิทยุ หมายความว่าผมกำลังตั้งใจที่จะรับเสียงที่เกิดขึ้นในวิทยุ
Did
you hear me? คุณได้ยินผมไหม๊ สถานการณ์นี้คู่สนทนาอาจจะถามคุณกันสถานที่อาจจะทำให้มีปัญหาในการสื่อสาร
เช่นในสถานที่เสียงดัง หรือโทรศัพท์ที่สัญญาณไม่ดี แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ไม่มีปัญหาพวกนี้
แต่เมื่อผู้พูดรู้สึกว่าคุณไม่สนใจฟังเค๊าจะถามว่า Did you listen to me? เข้าใจแล้วใช่ไหม๊ครับ!
Post a Comment