Present Continuous Tense

Present Continuous Tense เป็นกาลที่แสดงปัจจุบันที่กำลังกระทำอยู่ คำกริยาที่ใช้ใน Tense นี้คือ Verb to be + Present participle หรือ Verb เติม ing นั่นเอง โดยมีโครงสร้างดังนี้

Subject + is, am, are + Verb (ing)

ซึ่งความยากของ Tense นี้คือการผันกริยาจากรูปเดิมให้อยู่ในรูปของ Present participle หรือการเติม ing ให้กริยานั่นเอง ซึ่งก่อนที่เราจะไปศึกษาหลักการใช้ของ Tense นี้ เราจึงควรทำความเข้าใจการผันรูปกริยาซะก่อน ซึ่งมันมีหลักการต่างๆพอสรุปได้ดังนี้

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e silent หรือ e ไม่ออกเสียง ให้ทำการตัด e ออกแล้วเติม ing เช่น

Write	Writing
Move	Moving

ยกเว้น

See	Seeing
Agree	Agreeing

 คำกริยาที่ลงท้าบด้วย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y ก่อนแล้วเติม ing เช่น

Die	Dying
Lie	Lying
Tie	Tying

คำกริยาที่มีสระตัวเดียว มีพยัญชนะสะกดตัวเดียว และเป็นคำพยางค์เดียว ถ้าเข้าข่ายทั้งสามนี้ให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกตัวนึง (Double Consonant) แล้วจึงเติม ing เช่น

Dig	Digging
Sit	Sitting
Run	Run

คำกริยาสองพยางค์และพยางค์หลังเสียงหนักให้เพิ่มตัวสะกดเข้ามาอีกตัวนึ่ง (Double Consonant) เหมือนกัน เช่น

Begin	Beginning
Permit	Permitting

คำกริยาที่ลงท้ายด้วย l ให้ทำการเพิ่ม l เข้ามาอีกหนึ่งตัว เช่น

Travel	Travelling
Quarrel	Quarrelling

***ดูเพิ่มเติม
เอาล่ะครับถ้าเราเข้าใจหลักการผันรูปกริยาแล้ว ต่อไปเราจะไปดูหลักการใช้ของ Tense นี้กันนะครับ Present Continuous Tense ถือว่าเป็น Tense ใหญ่ Tense นึงเพราะมีการใช้งานเยอะมาก ซึ่งเราจะใช้งานในบริบทดังต่อไปนี้

• ใช้เมื่อการกระทำนั่นๆกำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะที่พูด โดยมากจะมี Adverb of time ประเภท now, at the moment หริอ at the present time มาบ่งชี้ เช่น I am reading now เป็นต้น
• ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเวลาใดเวลาหนึ่ง โดยมากจะมี Adverb of time ประเภท this season, this year, this afternoon บ่งชี้อยู่ เช่น This month we are working hard เป็นต้น
• ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกลั ซึ่งมีการวางแผนไว้ มีลักษณะการใช้อยู่สองโครงสร้าง คือ Verb to be + going to + V1 เช่น I am going to visit customer tomorrow เป็นต้น
• และสุดท้ายเราจะนำ Tense นี้ไปใช้ตามหลัง while เช่น He read a book while I am reading a newspaper เป็นต้น